วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555
Programmer อาชีพที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ปี 2555 ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้วผมได้เดินเข้าไปในรั่วมหาวิทยาลัยและเลือกเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์ โดยที่แทบจะไม่รู้เลยว่า สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์คืออะไร รู้แค่เพียงว่าเกี่ยวกับคอม จบไปแล้วหางานได้แค่นั้นเอง ชีวิตช่วงนั้นของผมก็เลยเรียนๆเล่นๆ โดยไม่ค่อยได้คิดที่จะศึกษากับสาขาที่เรียนเท่าไหร่ ตอนสมัยเรียนก็ไม่มีอะไรหวือหวา จนกระทั้งมาถึงปีสุดท้าย ปีที่ต้องทำโปรเจคจบ(เด็กที่เรียนสาขานี้จะเข้าใจดีว่ามันเป็นอะไรที่เข้าใจยาก คนไม่เรียนไม่เข้าใจหรอก ^_^ ประมาณนั้น) ผมก็เปนหนึ่งในนั้นที่หาเหตุผลมาอ้างกับที่บ้านว่าทำไมเราถึงไม่จบซะที อ้างนู้นอ้างนี่ แต่จิงๆแล้วเราไม่ได้เริ่มทำอย่างจิงจังซะที (อันนี้มาเข้าใจทีหลังว่าที่จบช้าเพราะไม่เริ่มทำจิงจัง ^_^) จนวันนึง พี่สาวผมก็มาทำให้ผมสำนึก (ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียน Blog นี้) พี่สาวผมทั้งดุ ทั้งว่าถึงขั้นน้ำตาตก กดดันผมทุกด้าน ทำให้ผมต้องกัดฟันสู้ จากวันที่โดนดุ ผมก็เริ่มหันมาสนใจและใช้เวลาส่วนใหญ่กับการอ่านหนังสือ การเขียนโปรแกรม เริ่มต้นครั้งแรกตอนปลายเดือน มีนาคม 2553 หนังสือเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมเล่มแรกคือ Visual C# 2008 ถ้าจำไม่ผิด เล่มสีเขียว ผมลองอ่านและทำตามโดนไม่สงสัยว่าไอ้ที่เรากำลังเขียนอยู่มันหมายถึงอะไร เอาแค่เขียนแล้วผลลัพท์ออกมาก็แค่นั้น ลองทำไปเรื่อยๆ (ผมเป็นคนขี้สงสัย เขียนไปชอบสงสัยว่ามันหมายถึงอะไร เลยทำให้เขียนไม่ได้สักที) หลังจากใช้เวลาประมาณเดือนนึงกับการเขียนโปรแกรมไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเขียนเป็นขึ้นมานิสนึง!!! ก็เลยเริ่มกลับมาทำโปรเจค ตอนที่ผมทำเป็น Baby Project ชื่อโปรเจคว่า Program Capture VDO อะไรสักอย่างจำไม่ได้ เหตุที่ผมเรียกว่า BabyProject เพราะว่าพี่สาวผมเรียกอย่างนั้น ผมก็ยังเถียงพี่สาวนะว่า มันทำยากมาก กว่าจะทำได้ มันลำบากยากเย็น พี่สาวผมก็บอกว่า เออนั่นแหละ Bayby Project งานจริงๆเค้าทำกันใหญ่กว่านี้เยอะ เราก็จำ แต่ก้อไม่ติดใจอะไร จนวันนึงที่เราจบแล้วเริ่มหางานทำ ผมก็ไปสมัครงานต่างหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นช่างซ่อมคอม คนขับรถส่งนม(สัมภาษณ์ให้เราไปขายนม) ครูวิทยาลัย ครูสอนคณิตศาสตร์(สัมภาษณ์แล้วให้เราไปตรวจข้อสอบ แถมต้องเสียเงินประกันด้วย) พนักงานห้าง และ บราๆๆๆ พี่สาวเห็นทีไม่ดีแน่เลยส่ง Resume ให้ ตอนนั้นผมอยากทำงานที่นครสวรรค์ เพื่อรอที่จะไปเป็นทหาร หกเดือน ปรากฏว่าหลังจากที่ไปสัมภาษณ์คนส่งนมได้สองวันก็มีบริษัทหนึ่งโทรมาให้เข้าไปสัมภาษณ์งานที่กรุงเทพ
จุดเริ่มต้นของอาชีพโปรแกรมเมอร์
การเข้ามาสัมภาษณ์งานครั้งแรกในกรุงเทพนั้น ผมนั่งรถตู้มาจากนครสวรรค์ตอนเช้าเนื่องจากที่บริษัทนัดบ่ายโมง ผมเลยออกจากนครสวรรค์ฺ 9 โมงเช้ามาถึง 11 โมงกว่าๆ ก็เดินเล่นไปเรื่อยตามประสาเด็กบ้านนอกเข้าเมืองกรุง ถึงเวลาก็เข้ามาบริษัทก่อนเวลาประมาณ 15 นาที การสัมภาษณ์ครั้งนั้นเริ่มต้นด้วยการทำข้อสอบเกี่ยวกับการ Query SQL พื้นฐานธรรมดาทั่วไป Select from where join อะไรพวกนี้ ข้อสอบมีประมาณ 10 ข้อ ปรากฏว่าผมทำผิดหมดเลย 10 ข้อ ก่อนมาพี่สาวผมบอกให้อ่านหนังสือเกี่ยวกับ SQL Server มา ผมก็นั่งอ่าน 2 วัน แต่ไม่มีโอกาสได้ลองทำ นั่งเทียน Query เอาคิดว่ามันจาออก พอมสอบจิงนึกไอ้ที่ท่องไม่ออกครับท่าน แล้วก้อถึงเวลาสัมภาษณ์ ผมคิดว่าการมาครั้งนี้ต้อง Fail แน่ๆ คุยไปคุยมาปรากฏว่าได้ครับ งงเลย??? ผมสมภาษณืวันจัน พี่เค้าขอให้เริ่มงานวันพฤหัส ทดลองงานว่าจะทำได้หรือไม่ 7 วัน ผ่านโปร 3 เดือนตามมาตราฐานทั่วไป และนั่นก้อคือครั้งแรกที่มีโอกาสเข้ามาสัมผัสการอาชีพนี้เต็มๆ
การเริ่มต้นงานนั้นวันแรกไม่มีอะไรตื่นเต้น หลังจากนนั้นก็เริ่มได้ยินคำว่า ERP คำถาม ERP คืออะไรวะ พอเริ่มสงสัยเริ่มต้องหาที่พึ่ง นึกอะไรไม่ออกก็อากู้ Google ก็เลยพอรู้คร่าวๆว่า ERP คืออะไร หลังจากนั้นผมก็ได้โอกาส ได้รับมอบหมายงานที่จะต้องดูแลนั่นคือระบบ HR พอได้งานมาเราต้องมานั่งแก้ Code ที่เขียนไว้คราวนี้แหละประเด็น Code ที่เขียนไว้เขียนด้วย VB ผมเขียน C# มาโดยมีพื้นฐานนิสหน่อย งานก็ต้องทำ ความรู้ก้อมีน้อย Code ก็เปนแบบงูๆปลาๆ ผมเลยใช้วิธีขอ Code ที่ทำงานมานั่งไล่ที่บ้าน โดยการไล่ทีละตัวๆ เพื่อนทำความเข้าใจ Flow ของระบบเก่าเพื่อที่จะทำการแก้ไข (ช่วงนี้น้ำตาตกครับ กลัวทำงานไม่ได้ แต่หันหลังไม่ได้ต้องกัดฟันสู้อย่างเดียว ขอบอกน้ำตาตกอยู่ร่วมอาทิตย์ Code ที่เอามาก็เขียนอะไรไว้ไม่รู้ ไม่เหนรู้เรื่องเลย ไม่รู้ Code ไม่ดีหรือเราไม่เข้าัใจ???) หลังจากนั่นก็ต้องเริ่มทำเพื่อ IntegrateSystem ตอนนั้นผมทำ 3 Party ทำให้งานมีการแบ่งกันไปทำ เราต้องระบบไปรวมกับอีก 2 Party แรกๆเราก็เอาไปให้เค้ารวม ทำไปทำมาเราก็เอามารวมเอง และทำไปทำมา เราก็เอามารวมและทำทั้งหมด คราวนี้และเราเลยเข้าจัยคำว่า Baby Project ที่พี่สาวเคยพูดเลย ระบบนี้มี 12 Module ๆ ที่มี Page น้อยที่สุดคือ 6 Page มากที่สุดจำไม่ได้แต่เยอะแต่ละ Module มีความเกี่ยวโยงกัล บ๊ะ มันล่ะครับทีนี้ เป็นบทเรียนราคาแพงที่ไม่สามารถหาซื้อได้ มหาวิทยาลัยไม่มีสอน ต้องทำ ลองผิดลองถูก มีปัญหาตลอด ถ้าให้เล่าคงไ่ม่หมดเป็นแน่ พิมพ์ไม่ไหว ก็เลยค่อยๆเก็บประสบการณ์มาครับ จากนั้นก็เริ่มเป็นโปรแกรมเมอร์มาจนถึงปัจจุบัน
เรื่องราวจริงๆแล้วเยอะกว่านี้มากครับแต่ขอเล่าเอาเป็นวิทยาทานเพื่อเป็นกำลังใจให้สู้กันต่อไปเพียงเท่านี้ก่อนครับ
****หมายเหตุ****
-พี่สาวผมเป็น HR IT เลยสามารถชี้แนะผมได้ว่าสมควรจะทำอะไร(อันนี้เป็นความโชคดีครับ) และเป็นผู้แนะนำให้เขียนบทความนี้ขึ้น ^_^
-โอกาสเป็นของหายาก ถ้ามีโอกาสให้รีบคว้าแล้วพยายามทำมันก่อนที่จะบอกว่า ทำไม่ได้!!!
-พยายามทำ แม้ว่าต้องทำทั้งน้ำตาก็ต้องพยายาม เพราะว่า ถ้าคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ เพราะมีมือเท้าเท่ากัน
*****************
สุุดท้ายนี้หวังว่าบทความคงพอเป็นวิทยาทานได้บ้าง เพื่อคนที่กำลังท้อ จะได้มีแรงสู้ต่อไป มีอะไรเพิ่มเติมสามารถติชมได้ครับ ^_^
วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555
วิชาที่เรียนจำเป็นหรือไม่
ย้อนกลับไปเมื่อสมัยหนุ่มๆ(ทำอย่างกะตอนนี้แก่มาก ^_^ ) ตอนเรียนสาขา Computer Science เคยบ่นๆกับตัวเอง กับเพื่อน ว่าไอ้วิชาที่เราเีรียนๆไปเนี้ยมันมีประโยชน์อย่างไรหว่า วันนี้ได้มาอ่านเจอ comment ของรุ่นน้องคนนึงที่บอกว่าตัวเองคิดผิดที่เรียนสาขานี้ เลยเป็นแรงบันดาลใจให้เขียน Blog นี้ขึ้นมา เพื่อนรุ่นน้องที่เรียนอยู่จะได้เห็นความสำคัญของวิชาต่างที่เรียนขึ้นมา ^_^
เริ่มที่วิชาแรกตอนปี 1 Mathematics for Computer หรือชื่อเรียกภาษาไทยว่า คณิตศาสตร์สำหรับคอมพิวเตอร์ วิชานี้ผมเรียนถึง 2 รอบ เนื่องจากติด E พอจบมาต้องขอขอบคุณที่ได้เรียน 2 รอบ เพราะว่าวิชานี้ใช้อย่างจังๆ เรื่องที่จำเป็นมากคือเรื่องตรรกศาตร์ หรือที่เรารู้จักในนาม จิงเท็จ เท็จจริง นั่นเอง ในการเขียนโปรแกรมหรือว่าระบบเราต้องคิดตลอดว่ามันจะเป็นจริงหรือเท็จนั่นเอง ^_^
ต่อมา Principles of Programming นามไทยว่า หลักการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ วิชานี้สำคัญยิ่งนัก เพรามันคือพื้นฐานของอาชีพเราๆสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดคือการประกาศตัวแปล(ขอบอกชื่อตัวแปลตั้งยากมาก ถ้าไม่รวม ตัวแปล x,y,z,a,i อะไรพวกเนี้ย ผมประสบปัญหาการตั้งชื่อตัวแปลอย่างมากในช่วงแรกๆ) การเขียนเงื่อนไข อย่างเช่น if,else,for เป็นต้น เรื่อง Syntax เข้าใจวิธีใช้ Syntax ของภาษา เครื่องหมายในการคำควณ การ Convert Type พวกนี้เป็นต้น
อันดับที่ 3 Data Communications and Computer Networks ชื่อไทยว่า การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ วิชานี้เป็นที่รู้ๆกัลครับ วิชานี้จะสอบให้รู้จักเครือข่ายของ Network และความสามารถของมันที่ใช้บ่อยและจำเป็นต้องรู้เบื้องต้นอย่างเช่น Man,Wan,Lan Intranet,Internet พวกนี้ว่าต่างกัลอย่างไร เรื่องนี้รู้คร่าวๆครับไม่ขออธิบายอะไรเยอะ ขอผ่าน!!!
อันดับที่ 4 Database System หรือชื่อไทยว่า ระบบฐานข้อมูล เรื่องนี้สำคัญยิ่งนักจากประสบการณ์ที่ผ่านมา Database ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เนื่องจากในการเขียนโปรแกรมแล้วต้องมาแก้เพราะแกรมเพราะโครงสร้างดาต้าเบสผิดไม่ดีเป็นแน่แท้ เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู็ในเรื่องของการตั้ง Type ใน Database Char,VarChar,Nvarchar,Number,Tesx,Decimal ว่ามันใช้ต่างกัลยังไง และเรื่องที่จำเป็นมากๆและมั่นใจว่ายังไงก็เจอคือ normalization คนที่อยากเป็น Sa เจอแน่ๆ เรื่องนี้ถ้าให้อธิบายว่ามันสำคัญยังไงคงยาว หน้านึงผมว่าไม่พอ เอาเป็นว่ามันสำคัญมากๆเรื่องนึงละกันครับ เด๋วว่างๆผมจะเขียน Blog ให้อ่านกัล
อันดับที่ 5 Computer Programming หรือ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คล้ายอันที่ 2 ครับ แต่ว่าต้องตั้งจัยกว่าเดิม โดยหลักการคล้ายๆกัลครับ แต่เมื่อจบแล้วต้อง Advance ขึ้นนิสนึง ^_^
อันดับที่ 6 Systems Analysis and Design นามไทย การวิเคราะห์และออกแบบระบบ เรื่องนี้มิอาจแพ้จากข้อที่ 4 เลยทีเดียวสำหรับคนที่มีความ กระเหี้ยนกระหือรือ ในอาชีพ Sa วิชานี้ตอนเรียนเคยถามตัวเองว่ามันจะได้ใช้หรอวะ เรียนไปทำแปะอะไรวะ(แบบหยาบๆ เลยนะเนี้ย) พอทำงานเอาจริง แม่เจ้าโดนเต็มๆ วิชานี้สำคัญเพราะว่ามีผลกระทบกับระบบทั้งระบบ Databse ทั้งก้อน เพราะ Flow เริ่มต้นผิด คิดเอาละกันครับว่าที่เหลือจะเป็นเยื้องไร แล้วพอ Flow ผิดคิดต่อเอาละกันนะครับว่า Programming จะเป็นเยื้องไร(ในกรณีที่ Dev ไปแล้วนะจ๊ะ) ความสำคัญอยู่ที่วิเคราห์ความต้องการให้ขาดและจบ แล้วมองถึงผลลัพธ์ที่จะออกมากแล้วมาวิเคราะห์ ประมานนั้น ^_^
อันดับที่ 7 Object Oriented Programming หรือ OOP!!! นามไทย การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ วิชานี้ต้องรีบบอกเลยเพราะผมเป็นคนนึงที่บ่นอย่างหลายๆเลยว่าเรียนไปทำไม ไม่เห็นจะรู็เรื่องเลย เอาเข้าจริง ใช้อย่างหนักหน่วงเลยครับ อย่างเช่นการเข้าถึงตัวแปล การพาส Object การ innitialize การเีขียนโปรแกรมแบบ Ntier และอื่นๆอีกมากมาย เป้าหมายคือการลด Code และนำ Code มาใช้ร่วมกัล เพื่อให้ง่ายต่อการแก้ไขงาน และการปรับใช้ จริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องอยู่กับมันนานๆเท่านั้นเอง
อันดับที่ 8 Project Management หรือ การจัดการโครงการ เรื่องนี้ผมคิดว่านะจะสำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น PM(Project Manager อาชีพที่ฝันถึง) เพราะว่าเราต้องเรียนรู้เรื่องการประเมินงาน กำลังคน ระยะเวลา ต้นทุน ผลกำไร เทคโนโลยีที่ใช้ และอื่นๆอีกเยอะแยะ เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงแลกมาด้วยความเหนื่อยที่คุ้มค่า ไม่ขอพูดเยอะเอาไว้ได้เป็นแล้วจะมาเล่าให้ฟัง ^_^
อันดับ 9 Web Programming การเขียนโปรแกรมสำหรับเว็บ เรื่องนี้ตอนผมเรียนไม่ตั้งใจ แต่เหมือนเวรกรรมมีจริงสุดท้ายแล้วต้องมาเขียน Web Application เรื่องที่น่าสนจัยที่สุดคือ การส่งค่าการเก็บค่าบน Session,Viewstate,Querystring เป็นต้น อื่นๆที่ต้องรู้เพิ่มจะมีประโยชน์ Javascript,Css,JQuery ภาษาที่เขียนก็มีมากมายไม่ว่าจะเป็น PHP,ASP,ASP.Net,JSP และที่กำลังนิยมใช้ใน ญี่ปุ่นคือ Ext ยิ่งเขียนมากเท่าไหร่ยิ่งมี เทคนิคมากขึ้นเท่านั้น
อันดับ 10 Object-Oriented Analysis and Design การวิเคราะห์และออกแบบเชิงวัตถุ วิชานี้จะเน้นในทางการออกแบบที่เป็น oop มากขึ้น จะเป็นความเป็น Flow System อย่างชัดเจน อันนี้ก็ใช้เยอะสำหรับ Sa ส่วนใหญ่จะเป็น Procress ในการทำงานของแต่ละ Module เพื่อให้ Deverloper เข้าจัย Flow System
และวิชาที่สำคัญที่สุด คือ Special Topics in Computer Science หรือ หัวข้อพิเศษเกี่ยวกับวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิชานี้โดนเต็มๆ เพราะทำให้เด็กไม่จบเยอะมาก วิชานี้จะเอาวิชาที่เรียนมาทั้งหมดมาประเมินความรู้ และจะได้ใช้ทุกวิชาจริงๆ
วันนี้ขอคร่าวๆแค่ 10 วิชาก่อนนะครับ
***ท้ายที่สุดนี้หวังว่า Blog นี้จะมีประโยชน์ ภาษาอาจมีความผิดพลาดเรื่องภาษาต้องขออภัยด้วยเนื่องจากต้องรีบไปทำงานแล้ว ติชมหรือพูดคุยเพิ่มเติมที่ Comment ข้างล่าง หรือ Email : Oriented_1@hotmail.com ***
เริ่มที่วิชาแรกตอนปี 1 Mathematics for Computer หรือชื่อเรียกภาษาไทยว่า คณิตศาสตร์สำหรับคอมพิวเตอร์ วิชานี้ผมเรียนถึง 2 รอบ เนื่องจากติด E พอจบมาต้องขอขอบคุณที่ได้เรียน 2 รอบ เพราะว่าวิชานี้ใช้อย่างจังๆ เรื่องที่จำเป็นมากคือเรื่องตรรกศาตร์ หรือที่เรารู้จักในนาม จิงเท็จ เท็จจริง นั่นเอง ในการเขียนโปรแกรมหรือว่าระบบเราต้องคิดตลอดว่ามันจะเป็นจริงหรือเท็จนั่นเอง ^_^
ต่อมา Principles of Programming นามไทยว่า หลักการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ วิชานี้สำคัญยิ่งนัก เพรามันคือพื้นฐานของอาชีพเราๆสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดคือการประกาศตัวแปล(ขอบอกชื่อตัวแปลตั้งยากมาก ถ้าไม่รวม ตัวแปล x,y,z,a,i อะไรพวกเนี้ย ผมประสบปัญหาการตั้งชื่อตัวแปลอย่างมากในช่วงแรกๆ) การเขียนเงื่อนไข อย่างเช่น if,else,for เป็นต้น เรื่อง Syntax เข้าใจวิธีใช้ Syntax ของภาษา เครื่องหมายในการคำควณ การ Convert Type พวกนี้เป็นต้น
อันดับที่ 3 Data Communications and Computer Networks ชื่อไทยว่า การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ วิชานี้เป็นที่รู้ๆกัลครับ วิชานี้จะสอบให้รู้จักเครือข่ายของ Network และความสามารถของมันที่ใช้บ่อยและจำเป็นต้องรู้เบื้องต้นอย่างเช่น Man,Wan,Lan Intranet,Internet พวกนี้ว่าต่างกัลอย่างไร เรื่องนี้รู้คร่าวๆครับไม่ขออธิบายอะไรเยอะ ขอผ่าน!!!
อันดับที่ 4 Database System หรือชื่อไทยว่า ระบบฐานข้อมูล เรื่องนี้สำคัญยิ่งนักจากประสบการณ์ที่ผ่านมา Database ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เนื่องจากในการเขียนโปรแกรมแล้วต้องมาแก้เพราะแกรมเพราะโครงสร้างดาต้าเบสผิดไม่ดีเป็นแน่แท้ เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู็ในเรื่องของการตั้ง Type ใน Database Char,VarChar,Nvarchar,Number,Tesx,Decimal ว่ามันใช้ต่างกัลยังไง และเรื่องที่จำเป็นมากๆและมั่นใจว่ายังไงก็เจอคือ normalization คนที่อยากเป็น Sa เจอแน่ๆ เรื่องนี้ถ้าให้อธิบายว่ามันสำคัญยังไงคงยาว หน้านึงผมว่าไม่พอ เอาเป็นว่ามันสำคัญมากๆเรื่องนึงละกันครับ เด๋วว่างๆผมจะเขียน Blog ให้อ่านกัล
อันดับที่ 5 Computer Programming หรือ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คล้ายอันที่ 2 ครับ แต่ว่าต้องตั้งจัยกว่าเดิม โดยหลักการคล้ายๆกัลครับ แต่เมื่อจบแล้วต้อง Advance ขึ้นนิสนึง ^_^
อันดับที่ 6 Systems Analysis and Design นามไทย การวิเคราะห์และออกแบบระบบ เรื่องนี้มิอาจแพ้จากข้อที่ 4 เลยทีเดียวสำหรับคนที่มีความ กระเหี้ยนกระหือรือ ในอาชีพ Sa วิชานี้ตอนเรียนเคยถามตัวเองว่ามันจะได้ใช้หรอวะ เรียนไปทำแปะอะไรวะ(แบบหยาบๆ เลยนะเนี้ย) พอทำงานเอาจริง แม่เจ้าโดนเต็มๆ วิชานี้สำคัญเพราะว่ามีผลกระทบกับระบบทั้งระบบ Databse ทั้งก้อน เพราะ Flow เริ่มต้นผิด คิดเอาละกันครับว่าที่เหลือจะเป็นเยื้องไร แล้วพอ Flow ผิดคิดต่อเอาละกันนะครับว่า Programming จะเป็นเยื้องไร(ในกรณีที่ Dev ไปแล้วนะจ๊ะ) ความสำคัญอยู่ที่วิเคราห์ความต้องการให้ขาดและจบ แล้วมองถึงผลลัพธ์ที่จะออกมากแล้วมาวิเคราะห์ ประมานนั้น ^_^
อันดับที่ 7 Object Oriented Programming หรือ OOP!!! นามไทย การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ วิชานี้ต้องรีบบอกเลยเพราะผมเป็นคนนึงที่บ่นอย่างหลายๆเลยว่าเรียนไปทำไม ไม่เห็นจะรู็เรื่องเลย เอาเข้าจริง ใช้อย่างหนักหน่วงเลยครับ อย่างเช่นการเข้าถึงตัวแปล การพาส Object การ innitialize การเีขียนโปรแกรมแบบ Ntier และอื่นๆอีกมากมาย เป้าหมายคือการลด Code และนำ Code มาใช้ร่วมกัล เพื่อให้ง่ายต่อการแก้ไขงาน และการปรับใช้ จริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องอยู่กับมันนานๆเท่านั้นเอง
อันดับที่ 8 Project Management หรือ การจัดการโครงการ เรื่องนี้ผมคิดว่านะจะสำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น PM(Project Manager อาชีพที่ฝันถึง) เพราะว่าเราต้องเรียนรู้เรื่องการประเมินงาน กำลังคน ระยะเวลา ต้นทุน ผลกำไร เทคโนโลยีที่ใช้ และอื่นๆอีกเยอะแยะ เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงแลกมาด้วยความเหนื่อยที่คุ้มค่า ไม่ขอพูดเยอะเอาไว้ได้เป็นแล้วจะมาเล่าให้ฟัง ^_^
อันดับ 9 Web Programming การเขียนโปรแกรมสำหรับเว็บ เรื่องนี้ตอนผมเรียนไม่ตั้งใจ แต่เหมือนเวรกรรมมีจริงสุดท้ายแล้วต้องมาเขียน Web Application เรื่องที่น่าสนจัยที่สุดคือ การส่งค่าการเก็บค่าบน Session,Viewstate,Querystring เป็นต้น อื่นๆที่ต้องรู้เพิ่มจะมีประโยชน์ Javascript,Css,JQuery ภาษาที่เขียนก็มีมากมายไม่ว่าจะเป็น PHP,ASP,ASP.Net,JSP และที่กำลังนิยมใช้ใน ญี่ปุ่นคือ Ext ยิ่งเขียนมากเท่าไหร่ยิ่งมี เทคนิคมากขึ้นเท่านั้น
อันดับ 10 Object-Oriented Analysis and Design การวิเคราะห์และออกแบบเชิงวัตถุ วิชานี้จะเน้นในทางการออกแบบที่เป็น oop มากขึ้น จะเป็นความเป็น Flow System อย่างชัดเจน อันนี้ก็ใช้เยอะสำหรับ Sa ส่วนใหญ่จะเป็น Procress ในการทำงานของแต่ละ Module เพื่อให้ Deverloper เข้าจัย Flow System
และวิชาที่สำคัญที่สุด คือ Special Topics in Computer Science หรือ หัวข้อพิเศษเกี่ยวกับวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิชานี้โดนเต็มๆ เพราะทำให้เด็กไม่จบเยอะมาก วิชานี้จะเอาวิชาที่เรียนมาทั้งหมดมาประเมินความรู้ และจะได้ใช้ทุกวิชาจริงๆ
วันนี้ขอคร่าวๆแค่ 10 วิชาก่อนนะครับ
***ท้ายที่สุดนี้หวังว่า Blog นี้จะมีประโยชน์ ภาษาอาจมีความผิดพลาดเรื่องภาษาต้องขออภัยด้วยเนื่องจากต้องรีบไปทำงานแล้ว ติชมหรือพูดคุยเพิ่มเติมที่ Comment ข้างล่าง หรือ Email : Oriented_1@hotmail.com ***
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)